TO BE NUMBER ONE กลุ่มเขตกรุงเทพกลาง ร่วมใจต่อสู้ เอาชนะปัญหายาเสพติด
(29 เม.ย.68) เวลา 09.00 น. : นายศุภกฤต บุญขันธ์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมมหกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้พัฒนาเครือข่าย TO BE NUMBER ONE กลุ่มเขตกรุงเทพกลาง ประจำปี พ.ศ.2568 โดยกล่าวว่า โครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด TO BE NUMBER ONE ในทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี นับเป็นโครงการที่สำคัญในการสร้างความเข้มแข็งด้านการป้องกันปัญหายาเสพติด สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ได้กำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ รวมถึงเป็นนโยบายหลักของกรุงเทพมหานคร 9 ด้าน 9 ดี (ด้านปลอดภัยดี) ทั้งนี้ ศูนย์ประสานงาน คณะกรรมการ TO BE NUMBER ONE เขต มีภารกิจสนับสนุนการขับเคลื่อนงานในระดับพื้นที่ ได้แก่ ชุมชน โรงเรียน และสถานประกอบการ ตลอดจนสนับสนุนการสร้างเครือข่าย เพื่อต่อยอดและพัฒนากิจกรรมให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และนำประสบการณ์ของชมรมต่าง ๆ มาปรับใช้ในการพัฒนาชมรมให้เกิดความเข้มแข็ง สร้างสรรค์สอดคล้องกับความต้องการของสมาชิกชมรม
กรุงเทพมหานคร จัดงานมหกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้พัฒนาเครือข่ายโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด TO BE NUMBER ONE กลุ่มเขตกรุงเทพกลาง ประจำปี พ.ศ.2568 เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด TO BE NUMBER ONE ในกลุ่มเขตกรุงเทพกลาง และแลกเปลี่ยน เรียนรู้ การดำเนินงาน ชมรม TO BE NUMBER ONE ระหว่างหน่วยงาน และภาคีเครือข่าย ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม รวมทั้งส่งเสริม สนับสนุน ความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายฯ และองค์ความรู้ ของชมรม TO BE NUMBER ONE ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน รวมถึงเพื่อให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชน ตลอดจนผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้รู้เท่าทันโทษและพิษภัยของยาเสพติด ตลอดจนส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้แสดงความสามารถ กล้าคิด กล้าทำกล้าแสดงออกเปิดโอกาสให้เยาวชนมีพื้นที่นำเสนอผลงาน สร้างขวัญและกำลังใจในการสร้างการพัฒนางาน นวัตกรรม และองค์ความรู้อย่างยั่งยืนต่อไป สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ มีผู้ร่วมงาน จาก 50 สำนักงานเขต รวมทั้งสิ้น 250 คน
ในการนี้ ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารกลุ่มเขตกรุงธนกลาง สมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี ณ ห้องปรินซ์บอลรูม 3 ชั้น 11 อาคาร 1 โรงแรมปรินซ์พาเลซ มหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
——-
คุณเห็นด้วยกับข่าวนี้หรือไม่
ความคิดเห็น