
เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้ที่มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คือ ผู้มีสัญชาติไทย คือ - อายุ 60 ปีขึ้นไป - มีทะเบียนบ้านในเขตกรุงเทพมหานคร - ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ อาทิ เงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือผลประโยชน์ตอบแทนอื่น ๆ ที่รัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดให้เป็นประจำ ทั้งนี้ ต้องเตรียมหลักฐานประกอบการลงทะเบียน ซึ่งประกอบด้วยเอกสารต่าง ๆ ดังนี้ 1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่น ๆ ที่ราชการออกให้ ซึ่งมีรูปถ่าย พร้อมสำเนา 1 ชุด 2. สำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมสำเนา 1 ชุด 3. สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร พร้อมสำเนา 1 ชุด 4. สำหรับกรณีที่ผู้สูงอายุไม่สามารถมาจดทะเบียนด้วยตนเองได้ - จะต้องมีใบมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษร จำนวน 1 ฉบับ - ระบุว่า ผู้สูงอายุ ได้มอบอำนาจให้ผู้อื่นยื่นคำขอจดทะเบียนรับเบี้ยยังชีพแทน - ผู้รับมอบอำนาจ ต้องนำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจมาด้วย 1 ชุด ขอให้ผู้สูงอายุ หรือผู้แทน ไปยื่นจดทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุรายใหม่ ที่สำนักงานเขตที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ตั้งแต่วันที่ 1-30 พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้ ในวัน และเวลาราชการ โดยจะได้รับเงินภายในวันที่ 10 ของทุกเดือน ในลักษณะอัตราเบี้ยยังชีพรายเดือนแบบขั้นบันได โดย - ผู้สูงอายุ 60-69 ปี ได้รับเงิน 600 บาท - ผู้สูงอายุ 70-79 ปี ได้รับเงิน 700 บาท - ผู้สูงอายุ 80-89 ปี ได้รับเงิน 800 บาท - ผู้สูงอายุ 90 ปี ขึ้นไป ได้รับเงิน 1,000 บาท |
ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม 1. แบบคำขอขึ้นทะเบียนรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2. หนังสือมอบอำนาจรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแทน |
เบี้ยความพิการ หลักฐานประกอบการจดทะเบียน |
ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม 1. แบบแสดงความจำนงรับเงินเบี้ยความพิการ 2. หนังสือมอบอำนาจรับเงินเบี้ยความพิการแทน |